เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่่อสาร เพื่อการเรียนรู้ที่ดีขึ้น : วีดีทัศน์ในห้องเรียน
สามารถเรียนรู้ได้ที่นี่
ความเป็นผู้นำและเทคโนโลยี : สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ด้วยไอซีที
สามารถเรียนรู้ได้ที่นี่
องค์ประกอบขององค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
มี 8 องค์ประกอบ อาจจำแนกได้หลายแนว เช่น จำแนกเป็นองค์ประกอบเชิงรูปธรรม
และองค์ประกอบเชิงนามธรรม
แต่ในภาพรวม
องค์ประกอบองค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ครอบคลุม
๑. ปรัชญา
วิสัยทัศน์และปณิธาน
ปรัชญา (Philosophy) เป็นแนวทางกว้างๆเพื่อกำหนดทิศทาง
แนวคิดและกรอบกลางๆสำหรับการดำเนินงานองค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาโดยกำหนดไว้ในรูปข้อความสั้นๆในรูปคำขวัญ
ปรัชญาเปรียบเหมือนโคมไฟส่องทาง หากเป็นโคมสีขาวมีความสว่างสูงก็ส่องได้ไกล
เห็นชัด
เมื่อกำหนดปรัชญาแล้ว
ก็กำหนดภาพที่มองเห็นในระยะทางหรือช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เรียกว่ากำหนดวิสัยทัศน์
ซึ่งแปลว่า สิ่งที่มองเห็นในช่วงระยะที่กำหนด
วิสัยทัศน์ (Vision) เป็นข้อความกว้างๆที่ระบุภารกิจ เหตุการณ์
กิจกรรมและผลที่องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาคาดหวังที่จะดำเนินการให้ได้และไปได้ให้ถึงในช่วงเวลาที่กำหนดไว้
โดยจะมีการกำหนดพันธกิจรองรับเพื่อให้องค์กรดำเนินไปให้ถึงวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้
พันธกิจ (Mission ) เป็นข้อความที่แสดงถึงสิ่งที่องค์กรฯมุ่งจะทำให้สำเร็จ
โดยมีการกำหนดพันธกิจตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
๒. เป้าหมายและจุดมุ่งหมาย
เป้าหมาย เป็นสิ่งที่องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
มุ่งดำเนินการให้ถึง ครอบคลุมเป้าหมายผู้รับบริการ เป้าหมายเวลา
เป้าหมายปริมาณและคุณภาพ
จุดมุ่งหมาย
เป็นสิ่งที่องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาต้องการจะทำหรือดำเนินการให้สำเร็จตามเป้าหมาย
โดยเป็นข้อความที่กำหนดการดำเนินการ ภายในเงื่อนไขและเวลาที่กำหนด
๓. โครงสร้างพื้นฐาน
โครงสร้างพื้นฐาน
เป็นองค์ประกอบถาวรที่จะต้องจัดหาหรือจัดเตรียมเพื่อให้พร้อมสำหรับการบริการด้านการลิตและการให้บริการ
ได้แก่ อาคารสถานที่ สาธารณูปโภค และอุปกรณ์การสื่อสาร
อาคารสถานที่ ได้แก่
ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับองค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ได้แก่
อาคารที่ทำการ อาคารผลิต อาคารแพร่เสียงและภาพและอาคารบริการ
สาธารณูปโภค เช่น ประปา
ไฟฟ้า ฯลฯ
อุปกรณ์การสื่อสาร ได้แก่
โทรศัพท์ โทรสาร อุปกรณ์รับส่งสัญญาณภาพและเสียง
๔.
ระบบการผลิตและการบริการ
องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาจำเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบการผลิตและการบริการเป็นของตนเอง
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และความต้องการของผู้รับบริการที่องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาตั้งอยู่
โดยการวิเคราะห์ระบบ สังเคราะห์ระบบ สร้างแบบจำลองระบบ และทดสอบระบบ
เพื่อให้ได้ระบบการผลิต และบริการที่มีประสิทธิภาพ
ระบบการผลิตและการบริการอาจเป็นระบบที่มุ่งให้องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาดำเนินการผลิตและบริการเองเต็มรูปแบบ หรือดดำเนินการบางส่วน
ให้หน่วยงานภายนอกดำเนินให้บางส่วน หรือให้หน่วยงานภายนอกดำเนินการเองทั้งหมด
๕.
อุปกรณ์การผลิตและการบริการ
อุปกรณ์การผลิตและการบริการ หมายถึง เครื่องมือที่ใช้ในการผลิตและบริการสื่อการศึกษาและเครื่องมืออำนวยความสะดวก
อุปกรณ์การผลิต ได้แก่
เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การผลิตสื่อโสตทัศน์
อุปกรณ์ผลิตรายงานวิทยุกระจายเสียง/วิทยุโทรทัศน์
อุปกรณ์บันทึกและสำเนาเทปบันทึกเสียงและเทปบันทึกภาพ
อุปกรณ์การให้บริการ ได้แก่
เครื่องมือที่จะนำไปบริการหรือให้ผู้รับบริการยืมไปใช้ อาทิ
เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เครื่องฉายภาพยนตร์เครื่องฉายสไลด์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องบันทึกภาพ ฯลฯ
ทั้งนี้รวมถึงอุปกรณ์สำนักงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการด้วย เช่น คอมพิวเตอร์บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับผู้รับบริการ
ตู้บัตรรายการ เป็นต้น
เครื่องมืออำนวยความสะดวก ได้แก่
เครื่องใช้สำนักงาน รถยนต์ รถยก รถเข็น และเครื่องมือประเภทต่างๆ
ที่จะทำให้การผลิตและการบริการดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
๖. บุคลากร
บุคลากร หมายถึง
ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการให้บริการ
ทั้งบุคลากรประจำและบุคลากรภายนอก ประกอบด้วยผู้บริหาร
นักเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา นักเนื้อหา เจ้าหน้าที่เทคนิค
และบุคลากรสนับสนุนการผลิตและบริการ
ผู้บริหาร ได้แก่ ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่าย
หัวหน้าศูนย์ และ หัวหน้าแผนก
หรือหน่วยงานที่มีชื่อเรียกอย่างอื่นขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
นักเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
จำแนกเป็นนักจัดระบบและออกแบบระบบ ผู้ควบคุมการผลิต
ผู้กำกับรายการ(สำหรับวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ ภาพยนตร์) ผู้เขียนบท ผู้ประสานงานการผลิต
ช่างเทคนิคประเภทต่างๆ
นักเนื้อหา ได้แก่
ผู้มีหน้าที่ให้ประเด็นและเนื้อหา ตรวจสอบความถูกต้อง
และประเมินเนื้อหาที่บรรจุในสื่อการศึกษาประเภทต่างๆ
เจ้าหน้าที่เทคนิค หมายถึง
ผู้มีหน้าที่จัดระบบวิศวกรรม ดำเนินการ ควบคุมดูแล และการบำรุงรักษาอุปกรณ์การผลิต
ได้แก่ วิศวกร ช่างอิเลคทรอนิกส์
ช่างกล้อง ช่างไฟ ช่างควบคุมแสง เสียง ฯลฯ
บุคลากรสนับสนุนการผลิตและบริการ ได้แก่ เจ้าหน้าที่บริหารการผลิต
ช่างศิลป์ ช่างกราฟิก ช่างแต่งผม แต่งหน้า ช่างสร้างและจัดฉาก พนักงานขับรถ
พนักงานทำความสะอาด เป็นต้น
๗. ระบบการจัดการ
การดำเนินงานการผลิตและบริการที่ดีมีประสิทธิภาพ องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาจำเป็นจะต้องพัฒนาระบบการจัดการที่เหมาะสมกับธรรมชาติของสื่อที่ให้บริการและผู้รับบริการเป้าหมาย
ในการพัฒนาระบบการจัดการ
องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาจำเป็นจะต้องเลือกแนวคิดการจัดการ(แบบวิทยาศาสตร์
มนุษยสัมพันธ์ หรือแบบอิงระบบสถานการณ์ ฯลฯ) ต้องเลือกแบบจำลองทฤษฎีองค์กร(เช่นของ
โรเบิร์ต ซี ฟอร์ด) ที่จะใช้เป็นฐานในการจัดการองค์กร
๘. การติดตามและการประเมิน
การติดตามและการประเมินองค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
เป็นการเก็บข้อมูลจากการสังเกต สัมภาษณ์ ดูงาน
เก็บข้อมูลเป็นตัวเลขเพื่อตีความและสรุปให้ทราบว่า
องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาดำเนินงานเป็นไปตามปรัชญา วิสัยทัศน์และปณิธาน
เป้าหมายและจุดมุ่งหมายหรือไม่เพียงใด
เพื่อจะได้นำผลกาติดตามและประเมินผลมาใช้ในการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงงานการผลิตและการบริการให้ดีขึ้น
การจำแนกองค์ประกอบขององค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
จะสามารถจำแนกได้เป็น 2 องค์ประกอบ คือ
๑.
องค์ประกอบเชิงรูปธรรม ได้แก่
โครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์การผลิตและบริการ บุคลากร ระบบการผลิตและบริการและระบบการจัดการ
๒.
องค์ประกอบเชิงนามธรรม ได้แก่ ปรัชญา
วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย จุดมุ่งหมาย
การติดตามและประเมิน ซึ่งสะท้อนให้เห็นในรูปการบรรยายเป็นลายลักษณ์อักษร
แหล่งอ้างอิง
ชัยยงค์ พรหมวงศ์
“องค์กรเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา”ในเอกสารการสอนชุดวิชาการบริหารศูนย์
สื่อการศึกษา หน่วยที่ 1 . นนทบุรี สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2541
นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ รหัส 4950171620059
หลักสูตร
ครุศาสตรมหาบัณฑิต (เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา)
มรภ.พระนคร ศูนย์ปทุมวิไล
รุ่นที่1 กลุ่ม 2
Techno
มาจากภาษากรีกว่า Technologia หมายถึง
การกระทำอย่างมีระบบ ภาษาละติน มาจากคำว่า
Texere หมายถึง การสานหรือการสร้าง (เสาวณีย์,2528) มีผู้ให้คำนิยามของคำว่า เทคโนโลยีการศึกษา (Educational
Technology) ไว้ดังนี้
เทคโนโลยีการศึกษา (Educational
Technology) ตามรูปศัพท์ เทคโน (วิธีการ) + โลยี (วิทยา) หมายถึง
ศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการทางการศึกษา ที่ครอบคลุมระบบการนำวิธีการมาปรับปรุง
หรือพัฒนาประสิทธิภาพของการศึกษาให้
สภาเทคโนโลยีทางการศึกษานานาชาติได้ให้คำจำกัดความของ
“เทคโนโลยีทางการศึกษา” ว่าเป็นการพัฒนาละประยุกต์ระบบเทคนิคและอุปกรณ์
ให้สามารถนำมาใช้ในสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
เพื่อสร้างเสริมกระบวนการเรียนรู้ของคนให้ดียิ่งขึ้น (สืบค้นใน Boonpan edt01.htm)
ดร.เปรื่อง
กุมุท ได้กล่าวถึงความหมายของ เทคโนโลยีการศึกษา
ว่า เป็นการขยายขอบข่ายของการใช้สื่อการสอนให้กว้างขวางขึ้นทั้งในด้านบุคคล วัสดุเครื่องมือ สถานที่ และกิจกรรมต่างๆในกระบวนการเรียนการสอน
วิจิตร
ศรีสอ้าน (วิจิตร ,2517)ให้ความหมายว่า เทคโนโลยีการศึกษา เป็นการประยุกต์เอาเทคนิควิธีการ
แนวความคิด อุปกรณ์และเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางการศึกษาทั้งในด้านการขยายงานและด้านการปรับปรุงคุณภาพของการเรียนการสอน
นอกจากนั้น
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ,2546) ยังได้สรุปเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนว่า "เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา" มีความหมายครอบคลุมการผลิต การใช้ และการพัฒนาสื่อสารมวลชน(อันได้แก่
สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์) เทคโนโลยีสารสนเทศ(คอมพิวเตอร์
อินเทอร์เน็ต มัลติมีเดีย)
และโทรคมนาคม (โทรศัพท์ เครือข่ายโทรคมนาคมและการสื่อสารอื่นๆ) เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ได้ตามความต้องการของผู้เรียนในทุกเวลาและทุกสถานที่
ทบวงมหาวิทยาลัย
(ทบวงมหาวิทยาลัย,2546)
นิยามว่า "เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา" เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการศึกษา
โดยการนำสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ โทรคมนาคม
และการจัดแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ มาใช้เพื่อจัดให้การศึกษาที่สามารถผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
เอื้ออำนวยให้ผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้าได้ตามความต้องการ เพื่อให้การเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตทั้งด้านการศึกษาสาระความรู้ทางวิชาการ
ทางศาสนา และศิลปะ วัฒนธรรม สื่อเทคโนโลยีทางการศึกษาตามความหมายของทบวงมหาวิทยาลัยนั้น
ครอบคลุมสื่อวิทยุกระจายเสียง สื่อวิทยุโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตโทรสาร
โทรศัพท์ และโทรคมนาคมอื่นรวมทั้งแหล่งการเรียนรู้ทั่วไป โดยมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้
และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้เต็มตามศักยภาพ ปราศจากข้อจำกัดด้านโอกาส ถิ่นที่อยู่
ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม
"เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา" ตามความหมายของร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติ
หมายถึง การนำสื่อตัวนำ คลื่นความถี่ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการแพร่เสียง
ภาพ และการสื่อสารในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ทั้งการศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบ
การศึกษาตามอัธยาศัย การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
โดยครอบคลุมสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ โทรคมนาคม สื่อโสตทัศน์ แบบเรียน ตำรา หนังสือทางวิชาการและแหล่งการเรียนรู้หรือเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่นตามที่คณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาแห่งชาติกำหนด
จากนิยาม
ดังที่กล่าวมาสามารถสรุปได้ว่า เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คือ
กระบวนการที่มีการบูรณาการระหว่าง เครื่องมือในการพัฒนาการศึกษา ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศ
โทรคมนาคม การสื่อสารมวลชน วิธีการการจัดการเรียนรู้ และการจัดแหล่งทรัพยากรในการเรียนรู้
มาใช้ในการจัดการศึกษาให้เกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
เอกสารอ้างอิง
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. พระราชบัญญัติการศึกษา 2542. กรุงเทพมหานคร ,2542.
เสาวณีย์ สิกขา.
บัณฑิตเทคโนโลยีทางการศึกษา ภาควิชาครุศาสตร์เทคโนโลยี. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ, 2528.
ในหน่วยงานมีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา
ดังนี้
ด้านการบริหาร
1)
จัดให้ผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาได้รับการพัฒนาความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารการศึกษา
เพื่อประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน และการปฏิบัติงาน
2)
ส่งเสริมการพัฒนาสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อช่วยสอนและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและการเรียนรู้
3)
ให้บริการทางวิชาการแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษา
4)
สนับสนุนงบประมาณด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เพื่อการเรียนการสอน
5)
ระบบงานข้อมูลสารสนเทศที่เป็นปัจจุบัน
6)
มีบุคลากรรับผิดชอบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยตรง
การปฏิบัติจริง
ครูผู้สอนได้รับการส่งเสริมพัฒนาและมีความสามารถด้านการใช้เทคโนโลยีและสื่อการศึกษาทั้งในการจัดการเรียนการสอนและการปฏิบัติงาน
มีความสามารถในการพัฒนาสื่อเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ โดยการจัดสรรงบประมาณบางส่วนในการพัฒนาบุคลากร
และการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
มีการนำระบบสารสนเทศมาบริหารจัดการเรื่องการวัดผลประเมินผล มีบุคลากรที่รับผิดชอบงานด้านนี้
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
1)
มีระบบเครือข่ายภายในพื้นที่ในสถานศึกษา
2)
มีระบบอินเทอร์เน็ตที่ใช้เพื่อการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอน
3)
มีซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับใช้ในสถานศึกษาที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์
4)
มีการจัดห้องเรียนที่หลากหลาย เช่น ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
ห้องเรียนอัจฉริยะ
5)
มีระบบการบำรุงรักษาและความมั่นคงของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
การปฏิบัติจริง
หน่วยงานมีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในสถานศึกษาแต่ครอบคลุมทั้งสถานศึกษา
มีเฉพาะภายในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์และห้องสำนักงาน
ระบบอินเตอร์ยังไม่รองรับกับความต้องการ เนื่องจากที่ตั้งของหน่วยงานอยู่นอกเขตพื้นที่ให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
ทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินการจัดการเรียนการสอนและการปฏิบัติงาน ซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับใช้ในสถานศึกษาที่อยู่ในข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์
ด้านการเรียนการสอน
1)
ผู้สอนมีแผนจัดการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือและการจัดการเรียนรู้ตามแผนฯที่กำหนด
2)
ผู้สอนจัดรูปแบบการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่หลากหลาย
3)
ผู้สอนสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือในการออกแบบและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
4)
ผู้สอนเป็นแบบอย่างและสอนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยคำนึงถึงกฎหมาย
คุณธรรม และจริยธรรม
การปฏิบัติจริง
ครูผู้สอนใช้สื่อนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ มีสื่อและวิธีการสอนที่หลากหลาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น การใช้ห้องเรียนอัจฉริยะในการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์
เรื่อง เรขาคณิต
การจัดทบทวนการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ห่วงโซ่อาหาร โดยใช้ไพ่
เลียนแบบเกมส์ยูกิ กิจกรรมเลี้ยงหนอน ในกลุ่มสาระฯวิทยาศาสตร์
เพื่อศึกษาการเจริญเติบโตเป็นขั้นๆของสัตว์
เป็นต้น
ด้านกระบวนการเรียนรู้
1)
ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เป็นเครื่องมือในรูปแบบที่หลากหลาย ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้และได้ทำกิจกรรมต่างๆ
โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามความสนใจของผู้เรียน
2)
ผู้เรียนมีทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ในการเรียนรู้ สามารถสร้างสรรค์และนำเสนอผลงาน ที่ได้จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้
3)
ผู้เรียนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด
การปฏิบัติจริง
ผู้เรียนได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
แต่มีบางส่วนเท่านั้นที่มีโอกาสได้ทำกิจกรรมต่างๆที่หลากหลายตามความสนใจ
นอกเหนือจากในบทเรียน
เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องอุปกรณ์
และการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ส่วนในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม
และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
ด้านเทคโนโลยีฯนั้น พบว่าอยู่ในระดับพอใช้
ยังพบผู้เรียนบางส่วนที่มีพฤติกรรมเลียนแบบสื่อโทรทัศน์ เช่น
การนำคลิปวีดิโอลามก เข้ามาในสถานศึกษา
การมีสื่อละเมิดลิขสิทธิ์ไว้ในครอบครอง
ฯลฯ
ด้านทรัพยากรการเรียนรู้
1)
มีเว็บไซต์ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้กับผู้เรียน
2)
มีระบบจัดการแหล่งการเรียนรู้ ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้
การปฏิบัติจริง ผู้สอนยังไม่นิยมสร้างเว็บไซต์ในการจัดการเรียนการสอน เนื่องจากปัญหาระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และผู้เรียนส่วนน้อยเท่านั้นที่มีโอกาสเปิดเว็บไซด์เพื่อการเรียนรู้ของครูผู้สอน
จึงทำได้เพียงการจัดแหล่งเรียนรู้ของแต่ละกลุ่มสาระฯ เพื่อให้ผู้เรียน
ใช้บริการตามมุมต่างของโรงเรียน
บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อเด็กและเยาวชน
SOMSRI
PETCHOTE <somsripet@yahoo.com>
ปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีได้พัฒนาอย่าง รวดเร็ว
เทคโนโลยีขั้นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิต
คือเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ กำลังมีบทบาทอย่างกว้างขวางในด้านต่าง ๆ
โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การบริการ สังคม
สิ่งแวดล้อมไปจนถึงด้านการศึกษา และในขณะที่สังคมโลกกำลังก้าวเข้าสู่มิติใหม่
เทคโนโลยีสารสนเทศนับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่นำสมัยมีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนเพราะเทคโนโลยีสารสนเทศ
คือ กุญแจสำคัญที่ไขไปสู่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพตามความต้องการของประเทศ
และเนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต การทำงาน
การเรียน และเล่น ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งส่งผลต่อ คุณสมบัติในการเป็นเทคโนโลยีที่สามารถสอดแทรก
และเสริมสร้างสมรรถนะในกิจกรรมและการดำเนินการต่าง ๆ
ด้วยเหตุนี้สังคมไทยในปัจจุบันจึงกลายเป็นสังคม สารสนเทศ (Infomation society) ไม่ว่าบุคคลจะอยู่ในอาชีพใด วัยใดก็ตาม
จำเป็นต้องได้รับข้อมูลข่าวสารจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาตนเอง
พัฒนาอาชีพรวมทั้งพัฒนาสังคมและประเทศชาติ
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ (Infomation
Technology - IT)
มีความสำคัญต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติเพื่ออำนวยความสะดวกทั้งในชีวิตประจำวัน
และการทำงานเป็นอย่างมากประกอบกับโลกได้วิวัฒนาการเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ที่ข้อมูลข่าวสารมีการเคลื่อนไหวอย่างเสรีทั่วโลก
ซึ่งสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติได้ให้คำจำกัดความของ
คำว่าเทคโนโลยีสารสนเทศว่า หมายถึง เทคโนโลยีหลายกลุ่มรวมกัน
เพื่อก่อให้เกิดการติดต่อเชื่อมโยง จัดหาวิเคราะห์ประมวล ผลการจัดเก็บและการจัดการ
การเผยแพร่ (ครอบคลุมทั้งข่าวสารและข้อมูลดิบจนถึงความรู้ทางวิชาการ)
ในรูปแบบของสื่อต่าง ๆ ทั้งเสียง ภาพ และตัวอักษรด้วยวิธีทางอิเล็คทรอนิกส์
นอกจากนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศยังประกอบด้วย เทคโนโลยีหลายประเภท เช่น
เทคโนคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และฐานข้อมูล เทคโนโลยี
โทรคมนาคมระบบมีสายและไร้สายซึ่งรวมไปถึงระบบสื่อมวลชน (วิทยุโทรทัศน์)
เทคโนโลยีสำนักงาน เป็นต้น
บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้แก่
1.
ด้านเศรษฐกิจ ถ้าพิจารณาจากประเทศต่าง
ๆ ที่พัฒนาแล้วจะพบว่าประเทศเหล่านี้มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะในส่วนของการขยายตัวของผลผลิต
การส่งออกและรายได้จากการผลิตอุปกรณ์ด้านสารสนเทศสำหรับประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน
ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากภาคเกษตรมาสู่ภาคอุตสาหกรรมและในปี พ.ศ. 2537
จากข้อมูลของศูนย์สถิติการพาณิชย์
พบว่าปริมาณการส่งออกของประเทศสำหรับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบเป็นอันดับสอง
มีมูลค่าเท่ากับ 88,500 ล้านบาท
ส่วนแผงวงจรไฟฟ้าเป็นอันดับสี่มีมูลค่าการส่งออกเท่ากับ 32,186 ล้านบาท
แสดงว่าอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกลายเป็นสินค้าออกที่มีความสำคัญและมูลค่าสูงมากเป็นลำดับต้น
ๆ ของสินค้าออกของประเทศแล้วในปัจจุบัน
2.
ด้านการศึกษา
ระบบสารสนเทศทางการศึกษาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและ
จำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนานโยบายการวางแผนและพัฒนาการศึกษา
เพราะกระบวนการตัดสินใจในการบริหารย่อมมีระบบสารสนเทศเป็นหัวใจสำคัญในทุกขั้นตอน
การพัฒนาการศึกษาของประเทศ จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด
ย่อมขึ้นอยู่กับระบบข้อมูลข่าวสารและระบบสารสนเทศที่ดีเป็นประการสำคัญ
การที่จะพัฒนา และกระจายการบริการด้านการศึกษาให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด
จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
3.
ด้านสาธารณสุข
เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนในส่วนของสุขภาพอนามัย เช่น
การเพิ่มประสิทธิภาพ ของสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนในการให้บริการแก่ประชาชน
โดยใช้เทคโนโลยีระบบเครือข่ายสาธารณสุข การปรึกษาผู้ป่วยผ่านดาวเทียม เป็นต้น
4.
ด้านการเกษตร
เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของเกษตรกรไทยในเรื่องการรับรู้ข่าวสาร
ข้อมูล การตลาด ผลิตผลทางการเกษตร เช่น ราคากลาง ความต้องการในตลาดโลก เป็นต้น
ทำให้เกษตรกรสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการผลิตได้ดีขึ้น และสามารถผลิตได้ตรงกับความต้องการของตลาด
5.
ด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยในการส่งเสริมป้องกันและแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม
เช่น การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
ของกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเป็นระบบฐานข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติ
สำหรับการวางแผนด้านสิ่งแวดล้อมในระดับนโยบาย
หรือการนำดาวเทียมเข้ามาช่วยในการสำรวจและเก็บข้อมูลฐานทรัพยากรธรรมชาติ
การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการจัดระบบจราจร เป็นต้น
6.
ด้านอุตสาหกรรมและการบริการ
ได้มีการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการผลิตและการบริการ
เพื่อให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง เช่น
การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์
หรือการใช้คอมพิวเตอร์เข้าควบคุมกระบวนการผลิต เป็นต้น
7.
ด้านการบริการของรัฐ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ประชาชน เช่น
การใช้คอมพิวเตอร์ในการสำรองตั๋วโดยสารรถไฟ
การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยตรวจจับคนร้าย
การพัฒนาระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรลงสู่คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
8.
ด้านการท่องเที่ยว
เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นส่วนประกอบหนึ่งในกระบวนการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น
การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการให้บริการข่าวสารข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว
และอำนวยความสะดวกในการสำรองที่นั่ง
9.
ด้านอื่น ๆ ได้แก่
การติดต่อสื่อสารการจัดสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมต่าง ๆ
ทั้งเครือข่ายโทรศัพท์ในประเทศ เครือข่ายโทรศัพท์ระหว่างประเทศหรือเครือข่าย
สื่อสารข้อมูลด้วยดาวเทียมขนาดเล็กการบันเทิงต่าง ๆ เช่น
การแพร่ภาพรายการ โทรทัศน์
เคเบิลทีวี เป็นต้น
คอมพิวเตอร์นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในกิจการสารสนเทศ
เนื่องจากสามารถนำเสนอข้อมูลได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว
มีประสิทธิภาพและสามารถเก็บข่าวสารข้อมูลต่าง
ๆ ได้ประกอบกับในปัจจุบันคอมพิวเตอร์มีราคาถูกลง และมีการพัฒนาการใช้งานให้ง่ายขึ้นอีกทั้งมีขนาดเล็กลง
สะดวกในการเคลื่อนย้าย ทำให้คนตื่นตัวที่จะใช้คอมพิวเตอร์ในกิจกรรมต่าง ๆ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในทุกสถานที่
ปัจจุบันมีการใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันทั้งที่บ้าน และหน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจและเอกชน ด้วยเหตุนี้การศึกษาหาความรู้ด้านคอมพิวเตอร์
เพื่อการใช้ในชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยการใช้คอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่าง ๆ
เช่น เครื่องพิมพ์ จานคอมแพกต์ โทรศัพท์ โทรสาร อุปกรณ์สลับสาย อินเตอร์เน็ต
ดาวเทียม ใยแก้วนำแสง วิทยุติดตามตัว (pager) โมเด็มโทรทัศน์
เครื่องเล่นวิทยุ เครื่องเล่นอีเล็คทรอนิกส์ เกมคอมพิวเตอร์ เครื่องอ่านบาร์โค้ด
รวมถึงซอฟต์แวร์ระบบ และซอฟต์แวร์ประยุกต์เฉพาะด้านและเทคโนโลยีอื่น ๆ
อีกเป็นจำนวนมาก ฯลฯ
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศมีให้เลือกมากมายตามความต้องการของผู้ใช้
แต่การเลือกใช้ก็ควรจะให้เหมาะสมและมีประโยชน์
โดยฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคตก็ยังต้องเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่เด็กควรปรับตัวและเรียนรู้เพื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันและอนาคตสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือเด็กและเยาวชนจะเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างไรจึงจะไม่ก่อให้เกิดปัญหากับครอบครัวและสังคม
เด็กและเยาวชนเป็นวัยแห่งการเรียนรู้และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต
วัยเด็กเป็นวัยที่ซึมซับสิ่งต่าง ๆ
ได้ง่ายและยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะแยกแยะเหตุผลได้อย่างละเอียดรอบคอบเด็กจึงจะอยู่ใต้อิทธิพลของสื่อต่าง
ๆ
ที่ผู้ผลิตหรือผู้เผยแพร่สิ่งเหล่านั้นพยายามชักจูงโน้มน้าวให้เด็กบริโภคสื่อของตน
เพื่อหวังผลทางการค้า
นอกจากนั้นเด็กส่วนใหญ่เมื่อมีเวลาว่างมักจะเข้าไปสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
(ท่องอินเตอร์เน็ต) ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ผู้ปกครองเพราะเห็นว่าจะช่วยให้เด็กได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่คาดคิดว่าข้อมูลในอินเตอร์เน็ตนั้นจะมีทั้งดีและไม่ดีถ้าเด็กได้รับข้อมูลจากผู้ที่ไม่หวังดีใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพไม่สุจริตเด็กเหล่านั้นก็จะถูกชักนำไปในทางที่เลวร้ายได้
ซึ่งผลที่เกิดขึ้นก็ปรากฏให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ
นอกจากนั้นปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทยส่วนหนึ่งมาจากเกม
ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นสิ่งบันเทิงสิ่งหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย
ๆ เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล เกมจึงเป็นสิ่งที่น่าหลงใหลสำหรับเด็กและ
เยาวชนอย่างชนิดถอนตัวไม่ขึ้น ความรุนแรงและสิ่งยั่วยุต่าง ๆ
ในเกมมีผลต่อพฤติกรรมที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในเด็กและเยาวชนเรื่องนี้พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องดูแลควบคุมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของเด็กอย่างใกล้ชิด
ต้องดูว่าเขาซื้อเกมอะไรมาเล่นบ้าง
ร่วมเล่นกับเขาให้คำแนะนำให้ความดูแลเอาใจใส่โดยเฉพาะการสอนให้เด็กรู้จักควบคุมตนเองไปทีละน้อยเป็นขั้นเป็นตอนไปเรื่อย
ๆ จนกว่าจะควบคุมยับยั้งตนเองได้เมื่อโตขึ้น
แต่เนื่องจากสังคมและเศรษฐกิจที่บีบรัดทำให้พ่อแม่ต้องรับภาระหนักในการทำงานและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปอยู่นอกบ้าน
เวลาที่จะใกล้ชิดดูแลเอาใจใส่เด็กน้อยลงแต่พ่อแม่ก็สามารถที่จะให้การดูแลเอาใจใส่และสังเกตพฤติกรรมรวมทั้งความสนใจในกิจกรรมต่าง
ๆ ที่เด็กทำ
ส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรมที่เขาชอบตามความถนัดเพื่อให้เด็กเกิดความเพลิดเพลินและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการใช้เวลาที่พ่อแม่สามารถให้กับเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง
สิ่งสำคัญคือพ่อแม่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเด็กในเรื่องการปลูกฝังพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นแบบอย่างที่ถูกต้องและมีคุณค่าเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศมากที่สุด
สรุป
เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก
โดยอยู่ในรูปแบบของสื่อต่าง ๆ
ทั้งเสียงภาพและตัวอักษรด้วยวิธีทางอีเลคโทรนิกส์ประกอบด้วยเทคโนคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีโทรคมนาคมระบบมีสายและไร้สาย รวมทั้งระบบสื่อมวลชน
บทบาทที่สำคัญของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ
ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านการเกษตร ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านอุตสาหกรรมและบริการ
ด้านการบริการของรัฐ ด้านการท่องเที่ยว อื่น ๆ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในกิจการสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้เกิดประโยชน์กับตนเองสังคมและประเทศชาตินั้นจะต้องเลือกให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์
โดยเฉพาะเด็กและ เยาวชน ควรจะได้รับการดูแลเอาใจใส่และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องจากพ่อแม่
ซึ่งจะต้องให้ข้อมูลและการปลูกฝังพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารเทศอย่างถูกต้องมีคุณค่าและเกิดประโยชน์เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถควบคุมดูแลตนเองได้และไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ที่ไม่หวังดีที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาบิดเบือนทำให้เด็กและเยาวชนให้หลงผิดและเสียอนาคต
บรรณานุกรม
พรชัย
สิงห์แก้ว. 2546. การศึกษาพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์
ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ลัดดาวัลย์ สุขะวัลลิ.
2541. แนวโน้มการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา
กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2541-2546. ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง.


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น